ตกผลึกจากคนรุ่นเก่าฝากถึงคนรุ่นใหม่...

21มี.ค.67
  วันเกิดครบ70ปีของหมอณุ
ทุกปีในวันครบรอบวันเกิด ผมจะคิดทบทวนว่าปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นในชีวิตและผมได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นบ้าง เวลาหนึ่งปีที่ผ่านไปนั้นผมได้พัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง มีอะไรที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อจะได้ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จต่อไป
    ปีนี้อายุครบ70ปีพอดี ผมมานั่งคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งเป็นประสบการณ์จริงให้ได้เรียนรู้ เมื่อคิดจนตกผลึกแล้ว จึงอยากนำเอาความคิดของผมมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานสำหรับทุกคน เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
   ผมรวบรวมหัวข้อต่างๆซึ่งเป็นคำถามที่เคยถามตัวเองหรือมีคนอื่นถามผม ที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกคน ดังนี้
1.ทำไมโชคดีได้เกิดมาเป็นลูกแม่?
2.อะไรเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต?
3.หมอณุ รวยแล้วก็พูดได้สิ
4.หลังเกษียณราชการแล้วทำไมถึงมาสร้างคนดี?
5.คนดีควรเป็นเช่นไร?
6.ความดีคืออะไร?
7.ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน?
8.โชคดีที่สุดแล้วที่ได้เกิดมาเป็นเรา
9.ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก
10.สุดท้ายแล้ว....ทุกๆสิ่งล้วนอยู่ที่ใจ
1.ทำไมโชคดีได้เกิดมาเป็นลูกแม่?
ผมจำได้ว่าตอนเป็นเด็กนั้น มีความสุขมากเนื่องจากครอบครัวของผมมีความอบอุ่น มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นที่รักของเพื่อนบ้านทุกคน มีอัธยาศัยดี ใจดีที่สุด ช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อนอยู่ทุกเวลา สอนลูกๆทุกคนให้เป็นคนดี รู้จักการแบ่งปันคนอื่น
เมื่อโตขึ้นพ่อเล่าให้ฟังว่า รู้ไหมทำไมตั้งชื่อว่า “พิษณุ” เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของพ่อและแม่ที่เกิดขึ้นที่พิษณุโลก ผมพยายามบอกกับทุกคนเสมอว่าชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้นล้วนมีความหมายดี ถือเป็นมงคลนามจึงไม่ควรเปลี่ยน
แม่ผมเป็นคนพิษณุโลก อยู่เรือนแพ ท่านเรียนหนังสือจบแค่ชั้นประถม4เท่านั้น แต่เป็นคนมีพรสวรรค์ มีไหวพริบดี เรียนรู้ด้วยตัวเอง เขียนตัวหนังสือไทยสวยมาก พูดได้ทั้งไทยและจีน เก่งไปทุกอย่าง ตัดเสื้อผ้าให้ลูกๆเองแบบทันสมัยด้วย ทำอาหารอร่อยจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว แม้แต่น้ำจิ้มข้าวมันไก่ที่แม่ทำ หลายคนเอามาราดทานกับข้าวเปล่าอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ต้องมีไก่หรือกับข้าวก็ได้
เพื่อนๆหลายคนบอกว่าอิจฉาผมที่มีแม่เก่ง ผมเคยถามแม่ว่า
“ทำไมผมโชคดี ได้เกิดมาเป็นลูกแม่?”
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยถามแม่เช่นกัน แม่ผมตอบง่ายๆว่า
“สงสัยจับฉลากมานะลูก”
ผมก็เชื่อตามที่แม่บอก เพื่อนๆก็บอกว่าผมโชคดีจับฉลากได้ดี
ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ผม
หลังจากใช้ชีวิตมานาน ได้ประสบการณ์มามาก มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งล้มเหลวและสำเร็จ ได้เห็นชีวิตผู้คนมามากมาย ได้พบปะพูดคุยกับเกจิอาจารย์หลายท่าน พอมาคิดถึงเรื่องนี้ว่าทำไมโชคดีได้เกิดมาเป็นลูกแม่ คำตอบที่เชื่อมาตั้งแต่เด็กว่าจับฉลากมานั้น คงไม่จริง ไม่ใช่ความบังเอิญเช่นนั้นแน่นอน
ทำไมเราเกิดมาอวัยวะครบ32ประการ เกิดในครอบครัวที่ดีที่อบอุ่น มีความพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี ก็เนื่องจากว่าเรามีบุญหนุนนำให้เรามาเกิด เราคงได้ทำกรรมดี ทำกุศลกรรมไว้มากในอดีต
“มาดี......เพราะมีบุญ”
เมื่อมีบุญมาเกิดในที่ที่ดีแล้ว เราก็ควรสร้างคุณงามความดีไว้ให้มากในขณะที่ยังมีชีวิต มีโอกาส ทำแต่สิ่งที่ดีงาม มีคุณค่า ไม่เบียดเบียนหรือเอารัดเอาเปรียบคนอื่น สร้างกุศลผลบุญให้มาก จะทำให้มีชีวิตที่ดี มีความสุข ประสบความสำเร็จ เป็นที่รักของทุกคน
ดังคำที่ว่า
“อยู่ดี......เพราะสร้างคุณ”
หลายปีมาแล้วเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ถามผมว่า
“รู้ไหมว่าคนเราตายแล้วไปไหน?”
ผมรู้ว่าเพื่อนก็คงเหมือนกับทุกคนที่รู้ว่าใกล้เวลาจะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว คงมีความกังวลว่าจะไปเกิดในที่ใดภพใด ผมบอกกับเพื่อนไปว่า
“เพื่อนเป็นคนดี ทำความดี ทำสิ่งดีงามมาตลอด ผมรู้แน่นอนว่าเพื่อนจะต้องไปดี ไปเกิดในภพภูมิที่ดี”
จำได้ว่าเพื่อนยิ้มอย่างมีความสุข ผมจึงอยากบอกกับทุกคนว่า
“ไปดี......เพราะมีทุน”
จึงควรหมั่นทำกรรมดี ทำกุศลกรรมไว้ให้มากในยามที่มีชีวิต หรือมีโอกาส เมื่อถึงเวลาต้องจากโลกนี้ไป จะได้เป็นทุนหนุนนำเราให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีต่อไป
ไม่นานมานี้มีหมอใหม่(รุ่นหลาน)ถามผมว่า
“อาจารย์ณุ ยังเชื่อเรื่องชาติหน้าอยู่เหรอครับ”
ผมตอบไปว่า
“เชื่อครับ ยิ่งอายุมากยิ่งเชื่อ”
คุณหมอคนนั้นบอกเลยว่า
“ผมไม่เชื่อ”
ผมจึงบอกคุณหมอไปว่า
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แล้วคุณหมอจะไปทำสิ่งไม่ดีไม่งามเหรอ ถ้าเกิดมีจริงล่ะ คุณหมอไม่กลัวผลที่จะตามมาเหรอครับ”
คุณหมอคนนั้นนิ่งเงียบ ผมเชื่อว่าหลายคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ไม่เชื่อหรือไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะเกิดผลกับเราในอนาคต เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไกลตัว มองไม่เห็น จึงทำให้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิด สิ่งที่เป็นอกุศลกรรม ถ้าเราได้ชี้นำให้เขาได้คิดให้เกิดปัญญาด้วยตัวเองเราจะได้คนดีมีคุณค่าเพิ่มขึ้น
ผมจึงขอสรุปในเรื่องนี้ไว้ว่า
“มาดี......เพราะมีบุญ
อยู่ดี......เพราะสร้างคุณ
ไปดี......เพราะมีทุน” 
ขอให้ทุกคนอ่านแล้วให้คิดจนเกิดปัญญา เพื่อนำไปปฏิบัติและเผยแพร่ต่อไปเป็นวิทยาทานด้วย
“ขอบคุณที่เป็นคนดี”
       นพ.พิษณุ ขันติพงษ์
ข้าราชการบำนาญของแผ่นดิน