ความเป็นมาของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ประวัติราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
สมาคมสูตินรีแพทย์ จัดตั้ง 20 เมษายน พ.ศ. 2511 จดทะเบียนจากกรมตำรวจ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2513 นายกสมาคม ฯ คนแรก คือ นพ.ชัชวาล โอสถานนท์
20
เมษายน พ.ศ. 2511
นพ.จรัญพัฒน์ อิศรางกูร ณ
อยุธยา เชิญสูตินรีแพทย์ตามที่ต่าง ๆ มาพบปะหารือ เพื่อจัดตั้งสมาคมสูตินรีแพทย์โดยอยู่ในความดูแลของแพทยสมาคม
ที่ประชุมได้เลือก นพ.ชัชวาล โอสถานนท์ ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว
พฤศจิกายน
พ.ศ. 2512
Ø ยื่นเรื่องต่อกรมตำรวจเพื่อขอตั้งสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
o
รองรับความเจริญทางวิชาการทางสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
o
เป็นตัวแทนกลางในการติดต่อประสานงานระหว่างสูตินรีแพทย์ภายในและภายนอกประเทศ
ได้รับอนุมัติและจดทะเบียนจากกรมตำรวจ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2513
Ø สมัครเข้าเป็นสมาชิก
International
Federation of Gynecology and Obstetricians (FIGO) ในการประชุมทางวิชาการที่นครนิวยอร์ค
สหรัฐอเมริกา
1
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2513
มีการประชุม ณ ห้องบรรยาย
ตึกนวมินทราชินี สูติ-นรีเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้เลือก นพ.ชัชวาล โอสถานนท์
ให้เป็นนายกสมาคมท่านแรก และมีกรรมการบริหารอีก 11 ท่าน ซึ่งจะอยู่ในวาระครั้งละ 2
ปี
27
มิถุนายน พ.ศ. 2513
มีการประชุมกรรมการบริหารของสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นทางการครั้งแรกที่ตึกคัคณางค์
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
10
ตุลาคม พ.ศ. 2513
ได้รับการร้องขอจาก Asia Oceania
Federation of Obstetrics and Gynaecology (AOFOG) ให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม
Asian Congress of Obstetrics and Gynaecology ครั้งที่ 5
ในปี 2514 ณ กรุงเทพ ฯ แต่ทว่าทางสมาคมได้ขอปฏิเสธเนื่องจากยังไม่พร้อม
เพราะยังมิได้เป็นสมาชิกของสหพันธ์สูตินรีแพทย์แห่งเอเซีย (AOFOG)
ได้สมัครเป็นสมาชิกของสหพันธ์โดยเสียค่าบำรุงปีละครึ่งอเมริกันดอลล่าร์ต่อสมาชิก
1 คน
23
มกราคม พ.ศ. 2514
มีการประชุมทางวิชาการครั้งแรกของสมาคม ฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช ห้องประชุมตึก 72 ปี มีผู้เข้าร่วมประชุม 90 คน
24
มิถุนายน พ.ศ. 2514
มีประชุมทางวิชาการครั้งที่
2 ณ ห้องบรรยาย ตึกอบรมวิชาการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับมีการประชุมใหญ่ประจำปี
ของสมาคมครั้งแรกด้วย
ได้กำหนดให้มีการประชุมทางวิชาการของสมาคม
ฯ ปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ของทุก ๆ 2 ปี
จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารของสมาคมชุดใหม่
27
มีนาคม พ.ศ. 2518
ได้ย้ายที่ตั้งสมาคมชั่วคราวจากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย
มาอยู่ที่ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
และได้เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของสมาคมจาก Obstetrics and Gynaecological Society
of Thailand (OGST) มาเป็น Society of Obstetricians and
Gynaecologist of Thailand (SOGT)
เกิดคณะอนุกรรมการการศึกษาหลังปริญญาทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
กับ คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนครอบครัว
24
มกราคม พ.ศ. 2519
มีการประชุมของสมาคมที่ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก
ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลเชียงใหม่ และต่อมาได้จัดหมุนเวียนไปทุก ๆ
ภาคของประเทศ กิจกรรมทางวิชาการที่จัดในกรุงเทพ ฯ นั้น จะเปลี่ยนกันไปตามโรงพยาบาลต่าง
ๆ คือ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
โรงพยาบาลหญิง (ราชวิถี) โรงพยาบาลวชิระ
20 - 28
พฤศจิกายน พ.ศ. 2520
สมาคม ฯ ได้รับเกียรติให้จัดประชุม Asia-Oceania
Congress of Obstetrics and Gynaecology ครั้งที่ 7
ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ฯ มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งไทย และต่างประเทศ ประมาณ 500
คน
ช่วงเวลา
พ.ศ. 2528 - 2529
คณะกรรมการบริหารของสมาคม ฯ
ได้ริเริ่มที่จะเปลี่ยนสถานภาพของสมาคม ฯ ไปเป็นวิทยาลัย ฯ และราชวิทยาลัย ฯ
ในโอกาสต่อไป
24 กันยายน พ.ศ. 2530
ได้รับการเปลี่ยนสถานภาพเป็นวิทยาลัย
ฯ
พ.ศ. 2530
ได้รับเกียรติให้จัด
Pre-Asian Congress of Obstetrics and Gynecology ที่โรงแรมออร์คิด เชอราตัน
ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในนามของสมาคม ฯ
สรุป มีกรรมการบริหารซึ่งดำเนินงานในรูปของสมาคม
ตั้งแต่ 20 เมษายน พ.ศ. 2511 ถึง
พ.ศ. 2530 รวม 9 ชุด
วิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
จัดตั้ง 24 กันยายน
พ.ศ. 2530 ประธานวิทยาลัย
ฯ คนแรก คือ นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์
1 มกราคม พ.ศ. 2531
คณะกรรมการบริหารวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ชุดที่ 1 เริ่มปฏิบัติงานและอยู่ในวาระ ครั้งละ 2 ปี
พ.ศ. 2534
พ.ศ. 2534
วิทยาลัยได้รับเกียรติให้จัดประชุม Asia
& Oceania Federation of Obstetrics and Gynecology (AOFOG) ครั้งที่ 2
พ.ศ. 2533 –
2534
จากการประชุมร่วมระหว่างวิทยาลัย
ฯ ราชวิทยาลัย ฯ และแพทยสภา เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2536
โดยมีประธาน คือ นายแพทย์อรุณ เผ่าสวัสดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ในสมัยนั้น
และมีผู้แทนจากราชวิทยาลัยสูติ ฯ ที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นายแพทย์สมหมาย
ถุงสุวรรณ (ประธานราชวิทยาลัย) นายแพทย์สมพร โพธินาม นายแพทย์กำแหง จาตุรจินดา นายแพทย์อร่าม
โรจนสกุล กรรมการราชวิทยาลัย ฯ และ นายแพทย์ประภาส เพียรเลิศ สมาชิกราชวิทยาลัย ฯ
รวมผู้เข้าร่วมประชุม 21 คน
ได้เลือกสถานที่สำหรับก่อสร้างอาคารรวมถาวรเพื่อการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการ
นั่นคือ ที่ตั้งของอาคารเฉลิมพระบารมี ๕๐ ปี ในปัจจุบัน และได้ตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการสร้างอาคารขึ้นโดยมีนายแพทย์เอื้อชาติ
กาญจพิทักษ์ (ราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิก ฯ) เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีนายแพทย์อร่าม
โรจนสกุล เป็นผู้แทนของราชวิทยาลัยสูติ ฯ
สรุป มีกรรมการบริหารซึ่งดำเนินงานในรูปของวิทยาลัย
จนถึง พ.ศ. 2534 ทั้งหมดรวม 2 ชุด
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า
ฯ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน
พ.ศ. 2536 ประธานราชวิทยาลัย ฯ คนแรก คือ
นายแพทย์สมหมาย ถุงสุวรรณ
24 มิถุนายน พ.ศ. 2536
ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า
ฯ ให้เป็นราชวิทยาลัย ฯ
ได้มีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการและโครงสร้างของราชวิทยาลัย
ฯ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพขึ้น แบ่งการบริหารงานเป็น
1.
บริหารและธุรการ
2.
วิเทศสัมพันธ์
3.
การประชุมและอบรมวิชาการ
4.
ฝึกอบรมและสอบ
5.
กำลังคน
6.
การวิเคราะห์อนามัยแม่และเด็ก
7.
การวิเคราะห์มะเร็งอวัยวะสืบพันธ์ุสตรี
8.
อนามัยการเจริญพันธุ์
9.
กองงานวารสาร
22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
ได้มีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ว่าด้วย ข้อบังคับใหม่ของแพทยสภาเกี่ยวกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 ตามที่กรรมการบริหารราชวิทยาลัย ฯ ชุดที่ 7 พ.ศ. 2543 – 2544 ได้ดำเนินการขอปรับปรุงโครงสร้างใหม่
สรุป มีกรรมการบริหารราชวิทยาลัย ฯ ซึ่งดำเนินการก่อนมีการปรับปรุงโครงสร้างจนถึง พ.ศ. 2545 ทั้งหมด รวม 5 ชุด